วัดพระธาตุผาแก้ว จ.เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาแก้ว ศาสนสถานที่สร้างขึ้นท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศที่เงียบสงบ เทือกเขาสลับซับซ้อนโดยรอบมีพระเจดีย์ที่งดงามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา คือ เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต เจดีย์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องหลากหลายสี เครื่องประดับ พลอย สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น นำมาตกแต่งทีละชิ้นๆ จนทั่วองค์พระเจดีย์ รอบๆ องค์พระเจดีย์แบ่งเป็นสถานที่พักของนักปฏิบัติธรรม และเขตสังฆาวาส แยกเป็นสัดส่วน ที่สะดุดตากว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งอื่นๆ อยู่ที่การสร้างกุฎิ อาคารที่พักของนักปฏิบัติธรรมอย่างสวยงาม กลมกลืนกับธรรมชาติ ด้วยยึดหลักที่ว่า หากได้อยู่ในสถานที่สงบสวยงาม จิดใจก็จะสงบได้โดยง่าย


วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อพุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่


สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว" และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

เกาะทะลุ , จ.ประจวบคีรีขันธ์

เกาะทะลุ เกาะขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขต ตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบฯ หากเดินทางโดยใช้เรือ ใช้เวลาเดินทางเพียง 30-40 นาที โดยบริเวณรอบ ๆเกาะอุดมไปด้วยปะการังสีสวย หาดทรายขาวสะอาด มีปลาทะเลและหอยมือเสือชุกชุม เกาะทะลุจึงขึ้นชื่อในหมู่นักท่องเที่ยว เหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติที่นิยม ดำน้ำชมปะการังเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นของเกาะทะลุนี้คือหน้าผาสูงชันที่มีช่องขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากชายฝั่งเวลาที่น้ำลงเป็นที่มาของชื่อว่า เกาะทะลุ ครับ


เกาะทะลุมีเกาะบริวารอีกสองเกาะ คือ เกาะสังข์และเกาะสิงห์ ซึ่งเป็นแหล่งชมปะการังน้ำตื้นที่สวยงามเช่นกันจากฝั่งไปเกาะทะลุต้องเหมาเรือไปเท่านั้น ซึ่งก็มีทั้งแบบเหมา จ่าย หรือจ่ายเป็นรายหัว นักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหาร เครื่องดื่มไปเอง บนเกาะไม่มีร้านอาหาร มีเพียงรีสอร์ตที่บริการเฉพาะนักท่อง เที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์เท่านั้น

เกาะสอง พม่า

เกาะสอง เป็นดินแดนในฝั่งสหภาพพม่า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประเทศไทย โดยมีแม่น้ำกระบุรีกั้นขวางตรงตัวจังหวัดระนองพอดี นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมหรือซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก เช่น พลอย เครื่องหวาย เครื่องเขินพม่า เครื่องประดับทำจากเปลือกหอยและงาช้าง ฯลฯ สามารถเช่าเรือหางยาวจากท่าสะพานปลาในอัตราลำละ 200-300 บาท ใช้เวลาข้ามฟากประมาณ 20 นาที อนุญาตให้ข้ามไปเที่ยวได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ต้องทำบัตรผ่านแดนก่อน โดยติดต่อด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง ถนนสะพานปลา


เกาะสองนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นผืนดินชายแดนใต้สุดของประเทศพม่า ผู้คนที่นี่ทำอาชีพประมงและค้าขายกันเป็นส่วนใหญ่ กว่า 70% เป็นชาวพุทธส่วนที่เหลือเป็นคริสเตียนและมุสลิม ตลอดสองข้างทางที่นั่งสองแถวเล็กไปยังอนุสาวรีย์บุเรงนองซึ่งเป็นที่เคารพของชาวพม่ามาก (ภาษาพม่าเรียก “บาเยงนอง”: Byint Naung Park) และ Victoria Point รวมทั้งเจดีย์ปีดอว์เอ้ (Pidawaye Pagoda) ก็สามารถพบเห็นวิถีชีวิตของชาวพม่าที่นิยมนั่งยองๆ จิบชาและกินหมากกันได้ทั่วไป ที่นี่ระบบความปลอดภัยในการขับขี่และวินัยจราจรนั้นเคร่งครัดเข้มงวดมาก พวกเราก็ได้ของฝากติดไม้ติดมือกันมาเป็นแถว ทั้งเครื่องประดับมุก พลอย เครื่องหัตถกรรม กระเป๋าปักเลื่อมงานฝีมือ เงินสกุลพม่า ฯลฯ ไม่เว้นแม้แต่โสร่งกับแป้งพม่าเองก็ตามที

วัดพระเขี้ยวแก้ว สิงคโปร์

วัดพระเขียวแก้วนี้ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดอีกสิ่งหนึ่งในสิงค์โปร์ ตัวอาคารสร้างตามสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง วัดนี้เป็นวัดที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธองค์ ในส่วนอื่น ๆ ของวัดนี้ประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับทางศาสนาพุทธ การตกแต่งด้านในทำได้อลังการมาก มูลค่าการก่อสร้างวัดนี้สูงถึงราว 53 ล้านสิงค์โปร์ดอลล่าห์


วัดนี้จุดเด่นนอกจากจะอยู่ที่ตัวอาคารที่สวยงามแล้ว ภายในยังประกอบไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ของพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปที่สำคัญๆ และหายาก หรือเป็นแหล่งรวมพระธรรมคำสอน รวมไปถึงเป็นสถานที่ประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ทั้งหมดมี 4 ชั้น ชั้นที่ 1 ใช้ประกอบพิธีการทางศาสนา กำแพงบางส่วนจะตกแต่งด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ชั้น 2 จะเป็นงานศิลปะในเชิงศาสนาอยู่มากมาย ทั้งภาพวาด และงานแกะสลัก นอกจากนี้ ก็ยังมีห้องสมุดที่รวบรวมพระธรรมคำสอนทางพุทธศาศนาเอาไว้มากมายด้วยเช่นกันโมเดลจำลองของวัดพระเขี้ยวแก้วที่ชั้น 3 จะเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าที่สำคัญต่างๆ จุดประสงค์ของชั้นนี้คือ ต้องการจะสะสม รักษาและสงวนไว้ซึ่งวัตถุโบราณ เอกสารสำคัญทางศาสนา และรณรงค์ส่งเสริมศิลปะทางพุทธศาสนาชั้น 4 ห้ามถ่ายรูปแต่จะใช้ประกอบพิธีสำคัญๆๆๆ

สามชุก ตลาดร้อยปี จ.สุพรรณบุรี

ตลาดสามชุก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน อำเภอเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เป็นตลาดจีนโบราณ ผสานการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในสมัยอดีต เมื่อ 100 ปีก่อน ตลาดสามชุก ถือเป็นแหล่งสำคัญในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของจังหวัดสุพรรณบุรี บรรยากาศโดยรอบในปัจุจบันคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ร้านค้า บ้านเรือนเป็นอาคารไม้เก่าแก่ ข้าวของเครื่องใช้ ขนม อาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด ล้วนตั้งใจไม่ใช่จำลอง เป็นการสืบเนื่องวัฒนธรรมจากอดีตซึ่งบ่มเพาะมาเป็น 100 ปี


ตลาดสามชุก แต่เดิมอำเภอสามชุกเรียกว่า ท่ายาง จากนั้นเกิดการค้าขายอันคึกคัก ชาวบ้านเดินเรือมาบ้าง พ่อค้ามาจากเหนือบ้าง ใต้บ้าง บริเวณนี้เลยถูกเรียกว่า สามแพร่ง พูดไปพูดมาเพี้ยนเป็น สามเพ็ง และสำเพ็งในที่สุด แต่ยังไม่จบแค่นั้น ปรากฎหลักฐานกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านย่านสุพรรณว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่า “กระชุก” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สามชุก” มาถึงปัจจุบัน


ช่วงเวลาเฟื่องฟูของตลาดสามชุกกินเวลานานหลายสิบปี แต่หลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ผู้คนเปลี่ยนไปใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรมากขึ้น ส่งผลให้ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และการค้าที่ตลาดสามชุกเริ่มซบเซา แต่ตลาดสามชุกก็ยังคงดำเนินวิถีของตลาดห้องแถวไปอย่างต่อเนื่อง


ด้วยความที่ วิถีชีวิตและลักษณะทางกายภาพของชุมชนตลาดสามชุกมีกาลเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานับร้อยปี เหตุนี้ประชาคมชาวตลาดสามชุกจึงได้มีการปรับปรุง ฟื้นฟู และร่วมกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้ของตลาดสามชุกไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้ตลาดสามชุกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

ตลาดน้ำ 4 ภาค จ.ชลบุรี

ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒธรรมไทย ที่จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของไทยทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้


จุดเด่นของตลาดน้ำ 4 ภาคก็คือ มีการจำลองการค้าขายทางน้ำ ที่นักท่องเที่ยวสามารถตีตั๋วล่องเรือชมทัศนียภาพภายในโครงการโดยรอบ ตั๋วนั่งเรือราคาใบละ 150 บาท เรือ 1 ลำ จุนักท่องเที่ยวได้ 4 คน โดยใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที หรือจะเดินตามร้านค้าต่างๆ ก็ได้ ตัวร้านค้าจะเป็นเรือนไม้สัก สร้างและตกแต่งตามเอกลักษณ์ของแต่ละภาค ที่สังเกตง่ายๆ ก็คือ หน้าจั่วที่มีลักษณะแตกต่างกันไป และพิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก


นอกจากนี้ยังมีการแสดงการละเล่น ประจำภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มวยทะเลย เซิ้งแหย่ไข่มดแดง ลาวกระทบไม้ การแสดงร่อนแร่ และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าจะเดินชมให้ครบสงสัยต้องใช้เวลา 1 วัน

ที่เที่ยวหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

“หัวหิน” แหล่งรวมบรรยากาศเก่าๆ เอาใจทั้งคนแก่ ดึงดูดใจทั้งวัยเก๋า ให้เข้ามาสัมผัส ทะเล แห่งปัจุบันและวันวานอยู่เสมอ ไม่ต้องไปไหนไกลมาก เดินทางกันใกล้ๆ ใช้เวลาต่อวันให้อิ่มหนำกับความ “คลาสสิก” บวก “โบราณ” กับทั้งหลายสถาน ที่เที่ยวหัวหิน


“Cicada Market” (ซิเคด้า มาร์เก็ต) หนึ่งในที่เที่ยวหัวหิน แปลกันตรงๆ ก็ “ตลาดจั๊กจั่น” ตลาดแนวๆ (แนวคิดสร้างสรรค์) เป็นการฉกฉวยศิลปะมาเป็นสื่อกลางระหว่าง “ผู้ใช้ความคิด” กับ “ผู้ใช้สายตา” ใครมีปัญญาคิด ประดิษฐ์นั่นนี่ ก็เอามาโชว์กันแบบเสรี ตั้งแต่งานแฮนด์เมด ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้มือสอง จนถึงสินค้าเอสเอ็มอีที่มีไอเดียเก๋ๆ รอให้คนเก๋าๆ เค้ามาชม ช็อป ชิม กันแบบอิ่มทั้งกายและใจ มากไปกว่านั้นยังมีกิจกรรมดีจากชมรมต่างๆ เช่น กลุ่มเล่านิทาน กลุ่มละคร กลุ่มเต้นรำ กลุ่มถ่ายภาพ กลุ่มนักแสดงเปิดหมวก ฯลฯ ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างสีสันและเสริมสร้างสุนทรียภาพ ท่ามกลางบรรยากาศ Tropical Garden อันร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้งามอายุร่วมร้อยปีบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ของหัวหิน Cicada Market จึงเป็นที่เดินเล่นยามเย็นแก้เหงาแก้เบื่อได้ไม่ยาก


“หัวหินสามพันนาม” ตลาดน้ำบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 6 บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ถือเป็นตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย มีร้านค้าทั้งหมด 192 ร้าน และเรือขายสินค้า 46 ลำ ถ้าสังขารไหวก็เดินกันให้ครบ จะได้ไม่เสียเที่ยว แต่เชื่อว่าเพลินกับบรรยากาศรอบด้านจนลืมเมื่อยแน่ๆ เพราะโอบล้อมไปด้วยขุนเขา และติดแหล่งน้ำธรรมชาติ ลำห้วยสามพันนาม ตื่นแล้วไม่รู้จะไปเดินไหน แวะมารำลึกบรรยากาศเก่าๆ กันที่นี่ก็ดีไม่น้อย


“เพลินวาน” ที่เที่ยวหัวหินที่สร้างความฮือฮาก่อนใครในย่านประจวบคิรีขันธ์ ปรับปรุงต่อเติมจนวันนี้เป็นอาณาจักรแห่งความทรงจำอันกว้างใหญ่ เรียกว่าถ่ายรูปกันได้ทุกซอกหลืบ ตั้งแต่ทางเข้ายันสุดซอยด้านใน นอกจากกลิ่นอายเก่าเอาใจคนแก่ และวัยรุ่นแล้ว เพลินวาน ยังให้การสนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้แก่เด็กนักเรียนและคนพิการให้เข้ามาทำงานหรือขายของเพื่อหารายได้พิเศษอีกด้วย ใครแวะไปก็อย่าเอาแต่ถ่ายรูป อุดหนุนสินค้ากันบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้คนค้าคนขายกันหน่อย


“ตลาดโต้รุ่งหัวหิน” เพื่อแวะมาฝากท้องยามดึก ต่อให้กินมื้อเย็นแล้วก็ขอมาหาอะไรตบท้ายที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น กระเพาะปลา ผัดไท หอยทอด ข้าวขาหมู-ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ซีฟู๊ด ขนมหวาน โดยเฉพาะอย่างหลัง ไปตลาดโต้รุ่งทีไรต้องยืนต่อคิวกันยาวซะทุกที อาจไม่มีอะไรหวือหวา แต่กลายเป็นสีสันที่ขาดไม่ได้ของเมืองหัวหินไปซะแล้ว


“สถานีรถไฟหัวหิน“ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหัวหิน เพราะยังคงความเป็นสมัยก่อนไว้ให้เราได้สัมผัส อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติพากันมาแวะเวียนเยี่ยมชมสถานีรถไฟแห่งนี้ก็คือ “พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ” ซึ่งถือเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวอำเภอหัวหินเป็นอย่างมาก

SANTORINI PARK CHA-AM จ.เพชรบุรี


SANTORINI PARK CHA-AM ตลาดนัดในสวนภายใต้สโลแกนสนุกๆ “Amused Shopping Experience” ประมาณว่าช้อปกันเพลินๆ เดินเล่นยามเย็น ออกกำลังเอ็นด้วยเครื่องเล่นระดับโลก ท่ามกลางสถาปัตยกรรมและงานประติมากรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ หนึ่งที่เที่ยวที่สร้างสรรค์มาดึงดูดนักช้อป นักแชะ และนักชิลล์ เพราะ SANTORINI จะมีกิจกรรมมากมายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างความสุขตลอดทั้งปี


5 โซนหลัก ของ ซานโตรินี พาร์ค ได้แก่ โซนที่ 1 โซนพาร์ค (Park) คือส่วนของความมันส์ความหรรษา คัดสรรเครื่องเล่นระดับโลกมาเติมให้กลิ่นอายซานโตรินีเด่นและชัดกว่าตลาดนัดไหนๆ โซนที่ 2 โซนวิลเลจ (Village) แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิปในย่านหัวหิน-ชะอำ ทั้งแบรนด์เนม แฮนด์เมด หรูๆ แนวๆ มีหมด โซนที่ 3 โซนเรสต์ แอเรีย (Rest Area) โซนพักระหว่างทางสำหรับผู้สัญจรผ่านมา กับหลากร้านบรรยากาศสบายๆ โซนที่ 4 โซนอีเวนท์ (Event) พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมพิเศษตลอดปี โซนที่ 5 โซนวีคเอนด์ อาร์ต มาร์เก็ต (Weekend Art Market) ตลาดนัดวันหยุด เปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะและสินค้าทำมือในบรรยากาศตลาดนัดในสวน