แอนเทอโลปแคนยอน สหรัฐอเมริกา

แอนเทอโลปแคนยอน (Antelope Canyon) เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตพื้นที่ของชนเผ่านาวาโฮ เมืองเพจ รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา


ในอดีตแคนยอนแห่งนี้เกิดจากการไหลผ่านของน้ำ ซึ่งกัดเซาะชั้นหินจนก่อให้เกิดการพังทลายมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นหุบเหวคดเคี้ยว ประดุจดังเกลียวคลื่นเว้าแหว่งไปตามซอกหน้าผา


แอนเทอโลปแคนยอน ถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับช่างภาพ และนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ปัจจบันมีผู้ชมและผู้นิยมเข้าไปถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ทะเลสาบพลิทวิเซ่ โครเอเชีย

อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ตั้งอยู่ที่เมืองลิก้า (Lika) ประเทศโครเอเชีย เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลบนหินปูน ใหญ่ไม่ใหญ่ก็ดูเอาได้จากชั้นน้ำตกที่มีอยู่มากถึง 16 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นยังมีความงดงามของธรรมชาติ ที่สวยงามจนสามารถสะกดสายตาของผู้ที่มาเยี่ยมชมได้อย่างอยู่หมัด


ทะเลสาบพลิทวิเซ่ ตั้งอยู่ท่ามกลาง 3 เทือกเขา ทั้งเทือกเขา "Pljesevica", "Mala Kapela" และ "Medvedak" ที่โอบล้อมทะเลสาบแห่งนี้ไว้ โดยทะเลสาบมีลักษณะทอดตัวยาวไปตามแนวร่องระหว่างเทือกเขา และมีเขื่อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ขวางกันทะเลสาบเป็นช่วง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากพวกมอส สาหร่าย และแบคทีเรีย ที่ก่อตัวเป็นเปลือกแข็งห่อหุ้มสลับกันไปเป็นชั้น ๆ แถมยังมีน้ำตก "เวลิกิ สแล็พ" (Veliki Slap) น้ำตกที่ใหญ่และสูงกว่า 70 เมตร ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก


นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติแบบ 100 % เต็มแล้วนั้น ทะเลสาปพลิทวิเซ่ แห่งนี้ ยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิเช่น หมีสีน้ำตาล นกอินทรี และนกชนิดอื่น ๆ อีกกว่า 140 สายพันธุ์ ซึ่งเหตุนี้เอง จึงทำให้องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศขึ้นทะเบียน อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1979 อีกด้วย

ค่ายบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม

ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุง้" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไปจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์


โบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะกลางทะเลอันดามันที่เป็นเลิศในด้านความงามของปะการังใต้ท้องทะเล อยู่ที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ครอบคลุมพื้นที่ 80,000 ไร่


สำหรับคำว่า "สิมิลัน" เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า เก้าหรือหมู่เกาะเก้า ทั้งนี้ หมู่เกาะสิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน มีทั้งหมด 9 เกาะ เรียงลำดับจากเหนือมาใต้ ได้แก่ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมี่ยง (มี 2 เกาะติดกัน) เกาะปายู เกาะหัวกระโหลก ( เกาะบอน) เกาะสิมิลัน และเกาะบางู มีที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ที่เกาะเมี่ยงเพราะเป็นเกาะที่มีน้ำจืด หมู่เกาะเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความงามทั้งบนบกและใต้น้ำที่ยังคงความสมบูรณ์ของท้องทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก มีปะการังที่มีสีสันสวยงามหลายชนิด ปลาหลากสีสันและหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน

ถ้ำพระยานคร จ.ประจวบคีรีขันธ์

ถ้ำพระยานครเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในบริเวณแหลมศาลา เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ ด้านล่างเป็นป่า ต้นไม้ค่อนข้างสูงชะลูด ถ้ำพระยานคร ถูกค้นพบกว่า 200 ปีมาแล้ว โดยพระยานครผู้คลองเมืองนครศรีธรรมราชแต่ไม่ทราบนาม ขณะที่ขึ้นฝั่งมาหลบพายุภายในถ้ำ


ภายในถ้ำมีโบราณสถานที่สำคัญคือพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เป็นพลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2433 พระที่นั่งนี้ใช้เป็นตราประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปัจจุบัน

ต่อมาพระบาทสมเด็จประปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เสด็จมาที่ถ้ำพระยานคร ในปี พ.ศ.2469 ซึ่งมีลายพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์อยู่ที่ผนังถ้ำ และรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จประพาสเยือน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2501 และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 เพราะฉะนั้น ถ้ำพระยานนครแห่งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งเป็น ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เส้นทางไปสู่ถ้ำพระยานครจะห่างจากหาดแหลมศาลานี้ตามทางเดินขึ้นเขาประมาณ 430 เมตร และตามความสูง130 เมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที

อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย

อุทยานแห่งชาติรามคำแหง หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักันในนาม ป่าเขาหลวง มีความเกี่ยวข้องกับเมืองสุโขทัยตามความในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 3 ว่า "..เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกูฎีพีหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าวป่าลาง มีป่าม่วงป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุง ผีเทพดาในเขา (เขาหลวง) อันนั้นเป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู่ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผี้ไหว้บ่ดีพลีบ่ถูก ผีในเขาอันบ่คู้มบ่เกรง เมืองนี้หาย…"



ความในศิลาจารึกดังกล่าวทำให้ทราบว่า บริเวณป่าเขาหลวงนี้ มีอิทธิพลต่อการดำรงชีพและเป็นสิ่งยึดถือของบรรพบุรุษในเมืองสุโขทัยอย่างยิ่ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ยังมีร่องรอยปรากฏอยู่จนทุกวันนี้


อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอคีรีมาศ อำเภอบ้านด่านลานหอย และอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มีเนื้อที่ประมาณ 341 ตารางกิโลเมตรหรือ 213, 125 ไร่

เขาหลวง เป็นภูเขาที่มียอดสูงที่สุดอยู่ทางทิศใต้ของเมืองสุโขทัย ลักษณะสัณฐานคล้ายสตรีนอนสยายผมโดยมีส่วนของใบหน้าเคลียอยู่กับเมฆหมอกตลอดเวลา บนยอดเขามีทิวทัศน์สวยงามมาก ประกอบไปด้วยยอดเขาสูง 4 ยอด คือ ยอดเขานารายณ์ ยอดเขาภูกา และยอดเขาแม่ย่า ยอดเขาภูกา และยอดเขาแม่ย่าเป็นยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร

แพะเมืองผี จ.แพร่

แพะเมืองผี อยู่ในท้องที่ตำบลแม่หล่าย ตำบลน้ำชำ ตำบลทุ่งทุ่งโฮ่ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2524


แพะเมืองผี เกิดจากสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นดิน และหินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ "แพะเมืองผี " มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความลี้ลับจนเป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นที่บรรพบุรุษได้เล่าสืลต่อกันมาว่า มียายชราคนหนึ่ง เข้าไปในป่าถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้พบหลุมเงินหลุมทองยายชราพยายามจะเอาเงิน เอาทองใส่หาบกลับบ้าน แต่เทพยาดาอารักษ์ไม่ให้เอาไปเพียงแต่เอาอวดให้เห็นเท่านั้น พอไปตามชาวบ้านมาดูก้พบแต่รอบเท้า หาบเงิน หาบทอง หายไป ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่นี้ว่า "แพะเมืองผี"

เกาะยาว จ.พังงา

เกาะยาว เป็นหมู่เกาะบริเวณอ่าวพังงาของทะเลอันดามัน ประกอบด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อยล้อมรอบประมาณ 44 เกาะ มีฐานะเป็นอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา ห่างจากพังงาประมาณ 42 กิโลเมตร มีอยู่ 2 เกาะ ที่ผู้คนอาศัยอยู่ นั่นคือ เกาะยาวน้อย และ เกาะยาวใหญ่ โดยบรรพบุรุษของชาวเกาะยาวได้อพยพมาจากจังหวัดตรัง สตูล และอื่น ๆ ที่อยู่แถบนั้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2328) ขณะที่พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองต่าง ๆ ผู้ที่หนีมาเห็นว่า เกาะยาวน้อย และ เกาะยาวใหญ่ มีความเหมาะสมที่จะหลบภัย จึงได้ตั้งหลักแหล่งบริเวณนี้


ต่อมา พ.ศ. 2446 ทางราชการยกฐานะเป็น กิ่งอำเภอเกาะยาว แยกออกมาจากอำเภอเมืองพังงา และขึ้นต่อเมืองพังงา ได้สร้างที่ว่าการกิ่งอำเภอหลังแรกเมื่อปี พ.ศ. 2463 ต่อมาได้ย้ายมาในที่ว่าการปัจจุบันในปี พ.ศ. 2508 จากนั้นข้าราชการและประชาชน ต้องการให้ยกกิ่งอำเภอเกาะยาวเป็นอำเภอเกาะยาว ตลอดจนจังหวัดพังงาได้สนับสนุนให้ทางราชการยกฐานะให้ รวมได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย จนในที่สุดก็ได้รับการยกฐานะจากกิ่งอำเภอเกาะยาวเป็น อำเภอเกาะยาว ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2531 รวมระยะเวลาการเป็นกิ่งอำเภอ 85 ปี นับว่าเป็นกิ่งอำเภอที่ยาวนานที่สุดในประเทศไทย


ส่วนลักษณะของเกาะจะเรียงทอดยาวในแนวเหนือ-ใต้ มีช่องแคบคั่นกลาง กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร เกาะยาวน้อย จะเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ และที่ว่าการอำเภอเกาะยาว ซึ่งบนเกาะยาวประชาชนมีวิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน เรียบง่าย และเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว

เมืองบาดาล จ.กาญจนบุรี

เมืองบาดาล ในอดีตเป็น วัดวังก์วิเวการาม ที่ หลวงพ่ออุตตมะ ชาวบ้านอพยพ ชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2496 ณ บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ในบริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน แต่ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่า รวมทั้ง วัดวังก์วิเวการาม ด้วย


หลวงพ่ออุตตมะ จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี และในช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคม-เมษายน น้ำลดจนสามารถสังเกตเห็นตัวโบสถ์ของวัดได้อย่างชัดเจน โดยสามารถนั่งเรือไปเที่ยวชมได้ แต่ในช่วงน้ำขึ้นน้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมด เหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ ในชื่อ "เมืองบาดาล"

พระราชวังเคียงบก เกาหลี

พระราชวังเคียงบกคุง เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์โซซอน ซึ่งคุณจะได้ซึมซับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวเกาหลีอย่างลึกซึ้ง ในบริเวณพระราชวังนี้เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติ ณ ที่สองแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมลักษณะเด่น ๆ ทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของเกาหลี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น พระที่นั่งคึนจองจอน ศาลาเคียงฮวยรู ซึ่งตั้งอยู่กลางสระ ศาลายางวอนจอง หรืออาคารสิ่งปลูกสร้างอื่นหลายอาคาร ล้วนแล้วแต่แสดงถึงสถาปัตยกรรมอันงดงาม และแวดล้อมด้วยทัศนียภาพเขียวขจีของสวนอันน่าอภิรมย์


ประตูจอนชุมมุน เป็นประตูด้านตะวันออกของพระราชวัง จะเปิดออกสู่ ถนนซัมจองดองกิล ที่มีร้านขาย ฮันบก (ชุดประจำชาติ) และหอแสดงศิลปะหลายแห่ง ทางด้านเหนือสุดของถนนซัมจองดองกิล ซึ่งยาวออกไป 1 กิโลเมตร ผ่านด้านหน้าของทำเนียบ ชองวาแด อันครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ซึ่งแผ่กิ่งก้านมาบรรจบกันตรงกลางถนน และมีสวนหย่อมตกแต่งงดงามอยู่ข้างทางหลายแห่ง จึงเป็นที่ที่จะเดินเล่นได้อย่างสบายอารมณ์ พอไปถึงปลายถนนเราก็จะเห็นสวน โรสออฟเชรอน และหอประชุมชุมชน เฮียวจาดองซารางบาง ซึ่งแสดงของกำนัลต่าง ๆ ที่ประธานาธิบดีคนก่อน ๆ ของเกาหลีได้รับและประวัติโดยละเอียดของกรุงโซล


ประวัติของพระราชวัง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1394 เพื่อเป็นพระราชวังหลักของราชวงค์โชซอน อันเป็นราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์ แทโจ ในจำนวนพระราชวังทั้ง 5 ที่สร้างขึ้นในราชวงศ์นี้ พระราชวังเคียงบกคุง ถือเป็นพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุด

เกาะนามิ เกาหลี


เกาะนามิ ตั้งอยู่ในเมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน ประเทศเกาหลี เป็นเกาะกลางแม่น้ำ มีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ เป็นเกาะ สำหรับคู่รัก ที่มีไฮไลต์อยู่ที่ถนนสองฟากเป็นต้นสนสูงทอดแนวยาว ให้ความรู้สึกสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีศูนย์นิทรรศการจัดแสดงรายละเอียดสถานที่ถ่ายทำละคร นอกจากนี้ ยังศูนย์นิทรรศการจัดแสดงรายละเอียดสถานที่ถ่ายทำละคร และบนเกาะนี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ขี่จักรยาน สกีน้ำ พายเรือ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ เล่นเลื่อนหิมะ และชมฟาร์มนกกระจอกเทศ ห่างจากกรุงโซลเพียง 63 กิโลเมตร ณ ที่แห่งนี้ท่านสามารถคารวะ สุสานนายพลนามิ ซึ่งเป็นเจ้าของเกาะ เช่าจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ทิวสน ต้นเกาลัด และถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นพระเอกนางเอกของละครเรื่อง Winter Love Song

หมู่บ้านนัมซานฮันอก เกาหลี

หมู่บ้านนัมซานฮันอก (Namsanhanok) เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสรูปแบบวิถีชีวิตของชาวเกาหลีในอดีต ผ่านอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการบูรณะในสภาพที่ดั้งเดิม หลังจากย้ายมาจากตัวเมืองโซล ขณะเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้าน จะได้เห็นสถาปัตยกรรมเกาหลีที่มีเอกลักษณ์ บ่อยครั้งที่นี่คือสถานที่จัดงานทางวัฒนธรรม รวมถึงงานแต่งงาน การแสดง ระบำหน้ากาก วาดภาพ การสาธิตหัตถกรรม และออกร้าน หมู่บ้านตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ ภูเขานัมซาน มีสายน้ำไหลผ่านและมี ศาลาซอนนูกัก แหล่งอาศัยของนกกระเรียน


แหล่งพักผ่อนที่มีชื่อเสียงในฤดูร้อนของ ราชวงศ์โชซอน แต่ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของบ้านชนชั้นสูงในสมัยเมื่อ 600 ปีที่แล้ว และหากเดินไปจนสุดปลายสวนจะพบ Time Capsul ที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง กรุงโซล ครบ 600 ปี โดยจะรอเปิดอีกใน 400 ปี ข้างหน้า (ค.ศ. 2394)

5 ทะเลสาบสวยที่สุดในประเทศจีน

ประเทศจีน ถือเป็นประเทศที่มีมนต์เสน่ห์ชวนหลงใหล และน่าไปสัมผัสอีกประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรม ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่แพ้กันก็คือ "ทะเลสาบ" เพราะมีความสวยงามทางธรรมชาติที่เชื่อว่านักเดินทางหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง วันนี้เราจึงจะพาทุกท่าน ไปเที่ยวชม 5 ทะเลสาบที่สวยที่สุดในประเทศจีนกัน

1. ทะเลสาบชิงไห่ (Qinghai Lake)
ทะเลสาบชิงไห่ ถือเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงทิเบต ในช่วงหน้าร้อนและฤดูใบไม้ผลิ พื้นที่โดยรอบจะปกคลุมไปด้วยพืชใบเขียวสวยงาม ขณะที่ในฤดูหนาว ก็จะมีเกล็ดหิมะเล็ก ๆ ปกคลุมกระจายไปทั่ว ซึ่งถือได้ว่า ทะเลสาบชิงไห่ มีทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปแบบฤดูต่อฤดูเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 จุดชมวิวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นั่นก็คือ Haixinshan ซึ่งอุดมไปด้วยแนวชายฝั่งที่เป็นโขดหิน และ Niaodao หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เกาะนก" เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีนกบินอพยพย้ายถิ่นฐานกว่า 100,000 ตัวอยู่เป็นประจำ


สำหรับการเดินทางไปยัง ทะเลสาบชิงไห่ สามารถเดินทางไปได้ทุกช่วงของปี แต่ที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษก็คือช่วงฤดูร้อน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้บางชนิด ซึ่งหาชมได้ยากจะเบ่งบานเป็นพิเศษ อีกทั้งในช่วงที่มีนกบินอพยพมา ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่ง ที่น่าเดินทางไปชื่นชมความงามของฝูงนก

2. ทะเลสาบคานาส (Kanas Lake)
ในป่าลึกของเทือกเขาอัลไต มี ทะเลสาบคานาส หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "คานาซือ" ซึ่งเป็นทะเลสาบภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนซ่อนอยู่ สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัส กับความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้คือ น้ำของทะเลสาบ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้ตามมุมตกกระทบของแสงแดด และตามฤดูกาลต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีฝูงหงษ์ให้ได้ไปชื่นชมอีกด้วย หากคุณต้องการที่จะสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิดแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณตื่นเช้า ๆ สูดอากาศหายใจลึก ๆ แล้วนั่งชื่นชมเก็บบรรยากาศของหมอกยาวเช้า ที่ปกคลุมทั่วทั้งทะเลสาบ สาย ๆ หน่อยก็ไปล่องเรือสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง และธรรมชาติของทะเลสาบก็เข้าท่าอยู่ไม่น้อย


ที่สำคัญเลยเราขอเตือนสักนิดสำหรับท่านที่สนใจจะไป เนื่องจากที่นี่สภาพอากาศไม่แน่นอน อาจจะมีฝนตกบ้าง ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น ก็ควรที่จะพกเสื้อกันฝนติดตัวไปด้วยจะเป็นการดีที่สุด ขณะที่ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางไปเยี่ยมชมที่สุด คือ ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมและกลางเดือนกันยายน

3. ทะเลสาบสวรรค์ฉางไป๋ซา (Changbaishan Heavenly Lake)
ทะเลสาบสวรรค์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาฉางไป๋ซา เป็นหนึ่งในสถานที่อันน่าหลงใหลที่สุดแห่งหนึ่ง ในภาคเหนือของประเทศจีน ซึ่งเกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ที่ครั้งหนึ่งพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกสูงกว่า 60 เมตร ไหลลงบ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ขณะที่ในฤดูหนาวน้ำพุดังกล่าวก็จะแข็งตัวกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เกิดความสวยงามตามแบบธรรมชาติอีกแบบหนึ่ง


ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การเดินทางมา ณ ทะเลสาบสวรรค์แห่งนี้คือเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน หากคุณเดินทางมาในฤดูใบไม้ร่วง ก็ขอให้คุณระมัดระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะจะมีหมอกลงหนาจัด และอาจจะทำให้มองไม่เห็นวิวทิวทัศน์อะไรเลย

4. ทะเลสาบหลู่กู๋ (Lugu Lake)
ทะเลสาบหลู่กู๋ ถือเป็นอัญมณีที่สุดแสนจะล้ำค่าของประเทศจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมลฑลยูนนาน ในแต่ละปีจะมีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างคงที่ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ในช่วงฤดูหนาวก็จะมีฝูงเป็ดและฝูงนกนางนวล อพยพย้ายถิ่นมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงเวลาต้นไม้ ใบหน้าต่าง ๆ ผลิดอกออกผล ดูมีชีวิตชีวาเป็นที่สุด


อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนที่นี่ คือคุณต้องไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของ ชาวโมโซ (Mosu people) เพราะชาวบ้านที่นี่มีประเพณีที่สืบทอดกันมานาน ด้วยการให้ผู้หญิงทำหน้าที่เสมือนผู้ชาย เป็นผู้นำของครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ช่องเขาหลู่กู๋ ช่องเขาที่มีชื่อเสียงด้านความงามของน้ำตก เป็นต้น

5. ทะเลสาบนามูโช่ (Namtso Lake)
ทะเลสาบนามูโช่ ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนทิเบต ระหว่างมณฑล Damxung และ Bange เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่อยู่สูงที่สุดในโลก ทุก ๆ ฤดูร้อนของที่นี่ พื้นที่ตรงนี้จะเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น วัวป่าขนยาว แพะภูเขา กระต่ายป่า และสัตว์ป่าอื่น ๆ รวมไปถึงนกชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย บางวันก็จะมีปลากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำให้เห็น หรือได้ยินเสียงเพลงจากคนในหมู่บ้านระแวกนั้นอีกด้วย


ด้วยความที่อยู่สูง ทำให้น้ำแข็งที่เกิดจากกาารตกของหิมะ แตกตัวกระจัดกระจาย เกิดเป็นความงามตามธรรมชาติขึ้นมา ที่สำคัญด้วยความสูงดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่ปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ได้ จึงเกิดอาการป่วยกันอยู่บ่อย ๆ ดังนั้น ควรทานยาแก้ปวดหรือยานอนหลับก่อนนอน ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว